จาก มิสเตอร์แก็ส
พฤหัสบดีที่ , 3/7/2551
เวลา : 10:24
IP: 58.64.113.190
อ่านแล้ว = 1752 ครั้ง
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2336 03 ก.ค. - 05 ก.ค. 2551
ขี่เก๋งจ๊าก LPG ขึ้น 4 บาท + รัฐใช้ยาแรงกับอุตสาหกรรม/อุ้มแท็กซี่-ครัวเรือน/ลอยแพผู้ใช้รถส่วนตัว
พลังงานสกัดก๊าซหุงต้มพุ่ง เตรียมปรับราคาทุกภาคส่วนก.ค.นี้ 80 สตางค์/กก.เพื่อปรับฐานราคาใหม่ตามตลาดโลกนำร่อง ก่อนใช้มาตรการ 2 ราคาภายในเดือนเดียวกัน โดยจะใช้ยาแรงกับภาคอุตสาหกรรม และรถยนต์ส่วนบุคคลขึ้นครั้งละ 2-3 บาท/กก. ขณะที่รถแท็กซี่ ขึ้นเล็กน้อยเพียง 0.80-1 บาท/กก. แต่จะไม่มีผลกระทบ เพราะมีเงินมาอุดหนุนให้ จนถึงวันนำเอ็นจีวีแก้ปัญหาในสิ้นปีนี้ ส่วนแนวทางแก้แอลพีจีขาดแคลน ได้ดึงปั๊ม 107 แห่ง ให้บริการ 24 ชม.แล้ว
จากกรณีที่กระทรวงพลังงานได้มีนโยบายที่จะนำมาตรการ 2 ราคามาใช้กับก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีในช่วงเดือนกรกฎาคม 2551 เพื่อแก้ปัญหาการนำเข้าก๊าซหุงต้มที่มีแนวโน้มมีความต้องการสูงขึ้นทุกเดือน เนื่องจากปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้ประชาชนหันไปใช้ก๊าซแอลพีจีในรถยนต์มากขึ้น และกำลังกลายเป็นปัญหาของบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)(บมจ.)ที่ต้องแบกรับภาระจากการนำเข้า เนื่องจากราคาในต่างประเทศอยู่ที่ 905 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ขณะที่ราคาในประเทศจำหน่ายอยู่ 320 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน จนล่าสุดได้ส่งผลให้ปริมาณการใช้ก๊าซแอลพีจีเกิดขาดแคลนตามสถานีบริการน้ำมันนั้น
-+ปรับแอลพีจี80สต.ก่อนใช้2ราคา
ต่อเรื่องนี้แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ" ขณะนี้กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการดำเนินงานที่จะนำมาตรการ 2 ราคาของก๊าซแอลพีจีมาใช้ในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อเป็นการสกัดกั้นไม่ให้มีการนำไปใช้ในภาคขนส่งมากเกินไป โดยคณะกรรมการศึกษาผลกระทบจากการปรับราคาแอลพีจี มีนายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือแล้ว
โดยในเบื้องต้นมีแนวทางว่า จะมีการปรับฐานราคาก๊าซหุงต้มทุกภาคส่วนขึ้นมาใหม่ ตามสูตรโครงสร้างราคาก๊าซแอลพีจีที่กำหนดไว้ของรัฐบาลชุดที่แล้ว ว่าจะต้องอิงราคาในตลาดโลกขึ้นไป 10 % จากปัจจุบันอิงราคาตลาดโลกอยู่ที่ 5 % ซึ่งจะส่งผลให้ต้องมีการปรับราคาก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 80 สต.ต่อกก. จากปัจจุบันอยู่ที่ 18.13 บาทต่อกก. หรือปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 18.93 บาทต่อกก. ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในสัปดาห์หน้า หากสามารถนัดหารือกับคณะกรรมการบริหารพลังงานหรือกบง.ที่มีพล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานได้
-อุตฯ-เก๋งจ่อปรับระลอกสอง 2-3บาท
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการปรับราคาฐานก๊าซหุงต้มขึ้นไปแล้ว ในส่วนของการปรับ 2 ราคาระหว่างภาคครัวเรือนกับภาคขนส่งและอุตสาหกรรม ที่จะดำเนินการในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ จะเริ่มดำเนินการใน 2 ส่วนคือ 1.ในส่วนของภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากสามารถแบกรับภาระในส่วนนี้ได้ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรอในการแก้ปัญหาก๊าซเอ็นจีวี และ 2.ในส่วนของรถยนต์ส่วนบุคคลที่ใช้ก๊าซแอลพีจีก่อน ส่วนราคาจะปรับเท่าใดนั้นทางกระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่คาดว่าจะอยู่ในระดับ 2-3 บาทต่อกก. ซึ่งเมื่อรวมราคาปรับฐานแล้ว จะทำให้ราคาแอลพีจีของทั้ง 2 กลุ่มนี้ถูกปรับเพิ่มขึ้นภายในเดือนเดียวกันถึง 2.80-4.00 บาทต่อกก.
ยอดติดแอลพีจีทะลัก1.2ล้านคัน
สำหรับยอดการใช้ก๊าซแอลพีจีในช่วงเดือนม.ค.-พ.ค. 2551 มีรายงานจากกระทรวงพลังงานแจ้งว่า มีรถติดแอลพีจี เพิ่มกว่า 6 แสนคัน หรือมีการติดตั้งแอลพีจีในรถยนต์ วันละกว่า 8,000 คัน ทำให้ปัจจุบันมีรถติดแอลพีจีอยู่ถึง 1.2 ล้านคัน ทำให้ความต้องการใช้แอลพีจีในรถยนต์เพิ่มสูงมาก จาก 47,000 ตันต่อเดือนในปี 2550 เป็น 52,000 -55,000 ตันต่อเดือนในช่วงเดือนม.ค. - มี.ค. 2551 ปัจจุบันการใช้เพิ่มเป็น 2,200 ตันต่อวัน เป็นการใช้ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 1,800 ตันต่อวัน
-แอลพีจีขยับอีก2-3บาท/ลิตรยังรับได้
แหล่งข่าวจากผู้ใช้แอลพีจีในรถเก๋งนั่งส่วนบุคคล แสดงความเห็นว่า ถ้าราคาแอลพีจีขยับขึ้นไปอีก 2-3 บาทภายในเดือนนี้(ก.ค.) ก็ยังรับสภาพได้ เพราะราคาแอลพีจีสำหรับภาคขนส่งจะปรับจาก 11.30 บาท/ลิตรเป็น 13.30-14.30 บาท/ลิตร ก็ยังถูกกว่าราคาน้ำมันที่ขณะนี้ไต่ระดับไปจนถึง 43-44 บาท/ลิตรแล้ว
อย่างไรก็ตามก็ยังวิตกอยู่บ้างในแง่นโยบายรัฐที่ต้องการจะให้แอลพีจีใช้ในภาคครัวเรือนมากกว่าภาคขนส่ง จึงออกมาตรการให้ราคาแอลพีจีสำหรับใช้ในภาคขนส่งค่อยๆสูงขึ้น หากเป็นเช่นนี้ระยะยาวผู้ใช้รถอาจต้องเจ็บตัวอีกครั้ง หรือต้องหันไปมองทางเลือกอื่นมากขึ้น เช่น ใช้เอ็นจีวีแทน
ดึงเงินปตท.อุดหนุน
++-แท็กซี่ไม่กระทบ
ส่วนรถแท็กซี่ จากที่ได้มีการหารือร่วมกันแล้ว ในช่วง 6 เดือนนี้จะมีการปรับราคาขึ้นไปเล็กน้อยประมาณ 0.80-1 บาทต่อกก. แต่เพื่อไม่ให้รถแท็กซี่ได้รับผลกระทบทางกระทรวงพลังงาน จะหาทางนำเงินมาชดเชยในส่วนที่ต้องปรับราคาขึ้นไปนี้ให้ เหมือนกับกรณีที่รัฐบาลได้นำเงินจากบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)(บมจ.)มาช่วยอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลประมงชายฝั่งให้ลิตรละ 2 บาท หรือหากไม่สามารถดำเนินการในส่วนนี้ได้ อาจจะอาศัยกลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาช่วยอุดหนุนในส่วนนี้เป็นระยะเวลา 6 เดือน จนกว่าการแก้ปัญหาก๊าซเอ็นจีวีในเรื่องรอคิวนานจะแล้วเสร็จในช่วงสิ้นปีนี้
แหล่งข่าวกล่าวเสริมอีกว่า หลังจากนี้ไปทางกระทรวงพลังงานกับกระทรวงคมนาคม จะไปหารือกับบรรดาสหกรณ์แท็กซี่ทั่วประเทศ เพื่อขอทราบข้อมูลการใช้ก๊าซหุงต้มที่ชัดเจนว่ามีปริมาณใด เพื่อที่จะไปจัดสรรโควตาก๊าซหุงต้มนำมาจำหน่ายให้ในราคาที่มีการอุดหนุน จนกว่าการแก้ปัญหาเอ็นจีวีจะแล้วเสร็จ และหลังจากนั้น จะยกเลิกการอุดหนุนและปรับราคาขึ้นไปเท่ากับภาคอุตสาหกรรม และรถยนต์ส่วนบุคคล
อย่างไรก็ตาม ในการนำมาตรการ 2 ราคามาใช้นั้น ทางกระทรวงพลังงานมีความเป็นห่วงว่า เมื่อมีการปรับราคาขึ้นไปแล้ว จะทำให้ก๊าซหุงต้มที่ใช้สำหรับครัวเรือนจะมีการรั่วไหลไปสู่ภาคขนส่ง จึงอยู่ระหว่างการหาแนวทางว่าจะมีมาตรการใดออกมาเพื่อป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้น เพราะหากรั่วไหลไปได้ก็เท่ากับว่าไม่ช่วยแก้ปัญหาการชะลอตัวการใช้ก๊าซหุงต้มในภาคขนส่งที่เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งหากหามาตรการอุดรอยรั่วตรงจุดนี้ได้แล้ว คาดว่าจะมีการประกาศมาตรการ 2 ราคานี้ออกมาใช้โดยเร็ว
-พูนภิรมย์มึนไม่รู้สาเหตุแอลพีจีขาด
พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงปัญหาก๊าซแอลพีจีขาดแคลนตามสถานีบริการว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบปัญหาที่แน่ชัดว่าก๊าซแอลพีจีที่มีไม่เพียงพอต่อความต้องการนั้นขาดแคลนมาจากสาเหตุใด ทั้งที่ทางบมจ.ปตท.ได้ยืนยันว่าได้เพิ่มปริมาณการจัดส่งเพิ่มขึ้นอีก 600 ตันต่อวัน จากปกติ 1,800 ตันต่อวัน ซึ่งที่ผ่านมาได้ส่งทีมงานของกระทรวงพลังงาน และพลังงานแต่ละจังหวัดไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการรายงานเข้ามา แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าภาวการณ์ขาดแคลนก๊าซแอลพีจีจะสามารถคลี่คลายได้ในวันนี้
สำหรับกรณีที่กลุ่มบรรดารถแท็กซี่ได้ยื่นหนังสือเพื่อคัดค้านการปรับราคาก๊าซแอลพีจีขึ้นนั้น เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมาได้มีการหารือเพื่อทำความเข้าใจกับตัวแทนกลุ่มแท็กซี่แล้ว ว่าทางกระทรวงพลังงานมีนโยบายและได้ชี้แจงในการปรับขึ้นราคามาโดยตลอดว่าจะดำเนินการในช่วงเดือนก.ค.นี้ เนื่องจากต้องการรอการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนก๊าซเอ็นจีวีให้ได้เสียก่อน เมื่อปัญหาเอ็นจีวีได้รับการแก้ไขที่เป็นรูปธรรมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มกำลังการจ่ายก๊าซเอ็นจีวีขึ้นไปที่ 2,900 ตันต่อวันภายในสิ้นเดือนนี้ การเพิ่มจำนวนรถขนส่ง และจำนวนสถานีบริการที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น น่าจะเป็นทางเลือกให้กลุ่มแท็กซี่เปลี่ยนมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีได้ เนื่องจากทาง
บมจ.ปตท.จะปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ให้ฟรี
ส่วนกรณีที่จะมีการนำมาตรการ 2 ราคามาใช้ในเดือนกรกฎาคมนั้น ทางกระทรวงพลังงานยังยืนยันตามนโยบายเดิมอยู่ ซึ่งขณะนี้รอผลการศึกษาผลกระทบจากคณะกรรมการศึกษาผลกระทบจากการปรับราคาอยู่ เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของกบง.ในเร็วๆ นี้
-แท็กซี่จี้รัฐแก้ปัญหาปั๊มไม่มีก๊าซ
นายสมพงษ์ สวัสดิสุข ประธานชมรมเพื่อนบนท้องถนนร่วมด้วยช่วยกัน กล่าวถึงการคัดค้านการปรับราคาก๊าซแอลพีจีว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มีตัวแทนจากกลุ่มสหกณ์แท็กซี่กว่า 40 องค์กร เข้าพบรมว.กระทรวงพลังงาน เพื่อให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าว เนื่องจากขณะนี้กลุ่มรถแท็กซี่ได้รับผลกระทบจากการปรับราคาของสถานีบริการก๊าซแอลพีจีไปแล้ว ที่มีการปรับขึ้น 30 สตางค์ต่อลิตร เมื่อช่วง 4-5 วันที่ผ่านมา โดยอ้างว่าภาครัฐได้มีการประกาศปรับราคาขึ้นแล้ว หากกระทรวงพลังงานจะปรับราคาขึ้นอีก จะส่งผลให้กลุ่มรถแท็กซี่ได้รับผลกระทบตามมาเพิ่มขึ้นอีก
นอกจากนี้ บรรดากลุ่มรถแท็กซี่ยังได้รับผลกระทบจากปัญหาก๊าซแอลพีจีในสถานีบริการที่ไม่เพียงพอรองรับความต้องการ เนื่องจากแต่ละปั๊มติดป้ายว่าก๊าซแอลพีจีหมดแทบจะทุกปั๊ม ในขณะที่บางปั๊มมีก๊าซบริการแต่ก็ต้องรอคิวนานเป็นแถวยาว และไม่สามารถรับประกันได้ว่าเมื่อถึงคิวตัวเองแล้วจะมีก๊าซแอลพีจีเติมหรือไม่ ซึ่งอยากจะให้กระทรวงพลังงานแก้ไขในจุดนี้ก่อนที่จะไปดำเนินการปรับราคาแอลพีจีขึ้นไป
-ให้107ปั๊มขายแอลพีจี24ชม.
ด้านนายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการหารือกับตัวแทนกลุ่มสหกรณ์แท็กซี่ว่า ที่ประชุมมีข้อสรุปตรงกันว่า ในการแก้ปัญหาก๊าซแอลพีจีขาดแคลนนั้น ทางกระทรวงพลังงานจะเร่งดำเนินการโดยด่วน โดยจะมีปั๊มแอลพีจีที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 107 แห่ง ที่สามารถมีก๊าซแอลพีจีบริการให้ตลอด 24 ชั่วโมง นับจากวันนี้เป็นต้นไป
ส่วนการจะปรับราคาก๊าซแอลพีจีขึ้นไปนั้น ทางกระทรวงพลังงานได้มีนโยบายที่จะปรับราคาก๊าซในส่วนนี้ขึ้นไป แต่จะไม่ทำให้กลุ่มแท็กซี่ได้รับผลกระทบ ซึ่งในรายละเอียดจะมีการหารือกันอีกครั้งหนึ่งว่าจะสามารถนำเงินจากส่วนใดมาช่วยอุดหนุนในส่วนของราคาก๊าซแอลพีจีที่ปรับขึ้นไปได้ เพราะหากกระทรวงพลังงานยืนยันในส่วนนี้แล้ว เมื่อก๊าซเอ็นจีวีเรื่องการรอคิวนานได้รับการแก้ปัญหาภายในสิ้นปีนี้ได้แล้ว กลุ่มแท็กซี่จำนวน 50,000 คันยืนยันที่จะหันไปเปลี่ยนเป็นก๊าซเอ็นจีวี และหลังจากนั้นกระทรวงพลังงานจะเลิกอุดหนุน และปรับราคาแอลพีจีในส่วนของแท็กซี่ขึ้นไปอีกได้
-ปตท.ยันไม่ได้กักตุนก๊าซ
ขณะที่นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)(บมจ.) เปิดเผยว่า จากการที่มีผู้ค้าบางรายกล่าวหาว่า บมจ.ปตท. ไม่ได้จ่ายก๊าซ แอลพีจี ให้ตามโควตา จึงทำให้ไม่มีก๊าซแอลพีจีจำหน่ายในสถานีบริการนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะได้จ่ายก๊าซแอลพีจีให้แก่ลูกค้าของ บมจ.ปตท. และผู้ค้าตามมาตรา 7 ตามที่กรมธุรกิจพลังงานเป็นผู้กำหนดในปริมาณปกติมาโดยตลอด
และปัจจุบันปริมาณก๊าซแอลพีจีมีเพียงพอต่อความต้องการใช้ทั้งประเทศ ไม่ขาดแคลน เนื่องจากความต้องการใช้แอลพีจีของทั้งประเทศในเดือนมิถุนายน 2551 มีปริมาณ 285,000 ตัน โดยเป็นส่วนของ ปตท. ประมาณ 214,000 ตัน และโรงกลั่น (ไม่รวมที่เป็นวัตถุดิบปิโตรเคมี) จ่ายได้ประมาณ 71,000 ตัน ทั้งนี้ ปตท. ได้จัดส่งให้ผู้แทนจำหน่าย ปตท. 105,000 ตัน และได้ส่งให้ผู้ค้ามาตรา 7 ในปริมาณ 109,000 ตัน ) ทำให้ในส่วนของผู้ค้ามาตรา 7 ปตท. ได้จ่ายก๊าซแอลพีจีเต็มจำนวนตามแผนที่ผู้ค้าแจ้งมา
ปัจจุบันการใช้ก๊าซแอลพีจีในประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วมาก จากเดิมในปีที่ผ่านมา ประมาณ 3 ล้านตัน เป็น 3.5 ล้านตันในปีนี้ หรือเพิ่มขึ้นถึง 14.2% โดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากการใช้ในรถยนต์ ถึง 22.7% และเมื่อคำนวณตามโครงสร้างสัดส่วนของกลุ่มผู้ใช้ แยกเป็นส่วนของครัวเรือน 50% ,ภาคขนส่ง 16% , อุตสาหกรรม 17% และปิโตรเคมี 17%
http://www.thannews.th.com/detialNews.php?id=T0123361&issue=2336
|